เขียนเมื่อ: 03 September 2023
การเคลื่อนไหวรอบเดือน Dow Jones -1.07%, S&P500 +0.31%, NASDAQ +0.52%, EU STOXX 600 +0.05% (ยุโรป), CSI300 -5.33% (จีน), Hang Seng -5.29%, TOPIX +3.59% (ญี่ปุ่น), SENSEX +0.22% (อินเดีย), VN100 +3.21% (เวียดนาม), SET +2.13%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัวในเดือนที่ผ่านมา แต่ที่จริงแล้วเคลื่อนไหวไปกลับประมาณ 5% เริ่มจากปรับตัวลงช่วงที่ Fed ประกาศว่ายังอาจจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นอีก อย่างไรก็ตามข่าวเรื่องผลประกอบการเชิงบวกของบริษัทต่างๆ รวมถึงตัวเลขเงินเฟ้อและการจ้างงานที่ชะลอลง กลับมาทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง รวมถึงการเปลี่ยนผ่านเรื่องเงินเฟ้อนั้นอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3, อ้างอิง4)
ดัชนีหุ้นจีนทั้ง mainland และ Hong Kong ปรับตัวลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา ภายหลังปัญหาของบริษัทด้านอสังหาริมทรัพย์เริ่มรุนแรงขึ้น ในระดับที่มีการขอยื่นล้มละลาย และผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นอีก นอกจากนั้นตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจก็ยังมีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ตามภาครัฐเริ่มเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและตลาดทุน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นยังพยุงตัว และฟื้นขึ้นได้เล็กน้อยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้นักลงทุนคาดหวังว่ารัฐบาลควรเพิ่มมาตรการกระตุ้นให้มากกว่าที่เป็นอยู่ (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3, อ้างอิง4, อ้างอิง5)
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดของปีนี้ ภายหลังผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่มีแนวโน้มคงระดับการผลิตในระดับต่ำต่อไป นอกจากนั้นระดับน้ำมันสำรองของสหรัฐฯ ก็ลดลงเร็วกว่าที่คาดการณ์ โดยต้องจับตาว่าราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมานี้จะทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับไปสูงขึ้นอีกหรือไม่ (อ้างอิง)
ราคาทองคำปรับตัวผกผันตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตร ทำให้ช่วงเดือนที่ผ่านมาขยับไปในทิศทางเดียวกับหุ้นโลก โดยช่วงกลางเดือนปรับตัวลดลงเนื่องจากนักลงทุนให้น้ำหนักการขยับขึ้นดอกเบี้ย แต่ปรับตัวขึ้นได้หลังจากความกังวลเรื่องระดับดอกเบี้ยนโยบายลดลง (อ้างอิง)
หุ้นบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังทำผลงานเด่นต่อเนื่อง แม้ราคาไม่ถูก
แนะนำใช้การลงทุนแบบ DCA เพื่อรักษาวินัยการลงทุนขั้นต่ำ โดยที่สำรองเงินลงทุนบางส่วนไว้ เพื่อเพิ่มโอกาสในการลงทุนเพิ่มหากดัชนีมีการปรับฐาน
หลังราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปี
กองทุนเด่น เช่น
MEGA10-A กองทุน Exclusive ที่ FINNOMENA ร่วมมือกับ partners ให้นักลงทุนร่วมเป็นเจ้าของบริษัท Top 10 ของโลก ในสัดส่วนที่หาไม่ได้จากกองทุนอื่น,
B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี,
SCBNDQ(A) ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี NASDAQ-100 ที่ติดตามบริษัทเติบโตขนาดใหญ่ 100 บริษัท
กองทุนตราสารหนี้โลกเตรียมรับประโยชน์หากอัตราดอกเบี้ยนโยบายหยุดขึ้น และยิ่งได้ประโยชน์เพิ่มเมื่อดอกเบี้ยปรับเป็นขาลง
แนะนำผู้ที่สนใจลงทุนที่มีระยะเวลาถือครอง 2-3 ปี พิจารณาทยอยสะสม
กองทุนเด่น เช่น
UGIS-N กองแม่บริหารโดยที่มีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารตราสารหนี้โดยเฉพาะ บริหารจัดการแบบเชิงรุก และชนะ Benchmark ต่อเนื่อง,
SCBGLOB กองทุนตราสารหนี้ทั่วโลก ที่ให้ความสำคัญต่อความสมดุลจากการเติบโตของเงินลงทุน และกระแสเงินสดรับที่สม่ำเสมอ
เศรษฐกิจจีนอาการยังไม่ดีขึ้น แถมอาจจะแย่ลง แนะนำให้ชะลอการสะสมเพิ่ม
แต่ไม่แนะนำให้ขายตัดขาดทุน เนื่องจากเห็นความพยายามของทางการที่จะเข้ามาช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจและตลาดทุน
ขณะนี้รอดูความชัดเจน ก่อนพิจารณาว่าจะสะสมเพิ่มหรือรอลดสัดส่วนการลงทุน
กองทุนเด่น เช่น
KT-ASHARES-A ลงทุนในหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในประเทศจีน (A-Shares),
BCAP-CTECH ลงทุนแบบเน้นๆ ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน,
K-CHINA-A(A) ลงทุนในกลุ่ม All China ที่ครอบคลุมหุ้นจีนขนาดใหญ่ในทุกตลาดทั่วโลก