เขียนเมื่อ: 04 November 2023
การเคลื่อนไหวรอบเดือน Dow Jones +2.84%, S&P500 +2.35%, NASDAQ +1.95%, EU STOXX 600 +0.66% (ยุโรป), CSI300 -2.86% (จีน), Hang Seng +2.75%, TOPIX +2.59% (ญี่ปุ่น), SENSEX -1.93% (อินเดีย), VN100 -3.01% (เวียดนาม), SET -2.26%
ตลาดหุ้นผันผวนหนักทั่งโลกเมื่อช่วงต้นถึงกลางเดือนที่ผ่านมา หลังมีความเสี่ยงว่าจะเกิดสงครามในตะวันออกกลาง หลังอิสราเอลถูกโจมตี และเกิดการสู้รบกันระหว่างอิสราเอลและกองกำลังฮามาสในตะวันออกกลาง ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำ น้ำมัน และผลตอบแทนพันธบัตร ปรับตัวขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่จะค่อยๆ ปรับตัวลง ภายหลังสถานการณ์สู้รบไม่บานปลาย
ปัจจัยบวกออกมาหนุนตลาดหุ้นต่อเนื่องกันช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา เริ่มจากผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมาของบริษัทในอเมริกาออกมาดีกว่าที่คาด เสริมด้วยธนาคารกลางสหรัฐๆ ตัดสินใจคงดอกเบี้ย และตัวเลขการจ้างงานที่เริ่มชะลอลง รวมถึงฝั่งเอเชียที่ญี่ปุ่นยังใช้มาตรการการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ส่งผลให้หลายตลาดฟื้นตัว และตลาดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกลับมาเป็นบวกได้ในรอบเดือนที่ผ่านมา (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3, อ้างอิง4)
ตลาดหุ้นจีนยังซบเซา ภายหลังการใช้จ่ายยังไม่ขยายตัว อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนเริ่มออกมาเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยมีการออกพันธบัตรกระตุ้นเศรษฐกิจ และอนุมัติแผนการเพิ่มงบประมาณขาดทุนต่อ GDP นอกจากนั้นยังมีการพูดถึงการช่วยเหลือภาคอสังหาริมทรัพย์และรัฐบาลท้องถิ่นในการจัดการหนี้ (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
ตลาดหุ้นไทยและเวียดนามปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องมาสองเดือนติดต่อกัน แม้มีปัจจัยหนุนจากตลาดหุ้นโลกมาช่วย เนื่องจากเงินทุนไหลออก เป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนรายย่อยในการสะสมหุ้นแข็งแกร่งหรือกองทุนดัชนี
หนึ่งในตัวเลือกที่ง่ายที่สุด สำหรับการลงทุนแบบสม่ำเสมอและกระจายความเสี่ยง
สามารถถือเพื่อลงทุนระยะยาว ในทุกสภาวะ คือการลงทุนกับกองทุน index หุ้นโลก
ที่ช่วยให้การลงทุนของเรา balance และเติบโตไปกับเศรษฐกิจโลกในระยะยาว แม้อาจเกิดการชะลอในบางประเทศ
กองทุนเด่น เช่น
SCBWORLD(A) ลงทุนในดัชนี iShares MSCI World ETF ที่กระจายการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ ที่อยู่ในประเทศพัฒนาแล้วทั่วโลก,
K-WORLDX ลงทุนในดัชนี iShares MSCI ACWI ETF ที่กระจายการลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลก ทั้งในประเทศที่พัฒนาแล้วและกำลังพัฒนา,
SCBNDQ(A) ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี NASDAQ-100 สำหรับนักลงทุนที่ต้องการให้น้ำหนักกับหุ้นกลุ่ม technology เป็นหลัก
สำหรับตลาดหุ้นจีน อาจจะยังไม่น่าลงทุนเพิ่มในตอนนี้
แต่ผู้สนใจเก็งกำไรควรจับตาดูความเคลื่อนไหวด้านนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจีนอย่างต่อเนื่อง
โดยเตรียม shortlist กองทุนที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศจีน
กองทุนเด่น เช่น
SCBCHA ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี CSI300 ที่ประกอบด้วยหุ้นของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในจีนเป็นหลัก,
BCAP-CTECH ลงทุนแบบเน้นๆ ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน
สำหรับผู้ที่สนใจสะสมหุ้นไทยและเวียดนาม หลังดัชนีปรับตัวลงแรงกว่าดัชนีโลก
สามารถพิจารณาได้ทั้ง ETF, DR, หรือกองทุนรวม
ETF, DR, และกองทุน ที่น่าสนใจ เช่น
KT-SET50-A กองทุนอิงดัชนี SET50 ค่าธรรมเนียมต่ำ ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ 50 อันดับแรก,
BSET100 ชื่อเต็ม BCAP SET100 ETF ลงทุนในหุ้นไทยขนาดใหญ่ 100 อันดับแรก,
PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามที่มีผลตอบแทนโดดเด่นมายาวนาน,
E1VFVN3001 อ้างอิง E1VFVN30 ETF ซึ่งมีนโยบายการลงทุนอ้างอิงดัชนี VN30 หุ้นชั้นนำ 30 ตัวแรกของเวียดนาม,
FUEVFVND01 อ้างอิง DIAMOND ETF ซึ่งลงทุนในบริษัทเวียดนามที่มีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติสูง สะท้อนมุมมองโอกาสเป็น Super Stock