สรุปประเด็นการลงทุน
ก่อนสัปดาห์วันที่ 3 - 7 พฤษภาคม 2564

เขียนเมื่อ: 02 May 2021

ประเด็นน่าสนใจ

  1. ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง แต่อินเดียและไทยที่กำลังมีวิกฤติโควิดรอบใหม่กลับบวกแรง โดย Dow Jones -0.5%, S&P500 +0.02%, NASDAQ -0.39%, EU STOXX 600 -0.37% (ยุโรป), CSI300 -0.23% (จีน), TOPIX -0.87% (ญี่ปุ่น), SENSEX +1.89% (อินเดีย), VN100 (เวียดนาม) +0.09%, SET +1.90%

  2. หุ้นผู้นำกลุ่มเทคโนโลยี ประกาศงบออกมาดีเกินกว่าที่คาดการณ์ ทั้ง Alphabet, Amazon, Apple, Facebook, Microsoft ส่งสัญญาณว่าสถานการณ์โควิดได้เปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคไปแล้ว ทำให้หุ้นผู้นำเทคโนโลยีทั้งหลายดูจะได้ประโยชน์ในระยะยาว โดยปัจจัยยืนยันเสริม เช่น Domino’s Pizza UK ที่รายงานว่ากว่า 94% ของยอดขาย ในปีที่ผ่านมา มาจากช่องทาง Online

  3. Bank of Japan (BOJ) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ -0.1% ใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายซื้อสินทรัพย์ในตลาดทุนต่อไป และมีการเพิ่มปรับคาดการณ์เศรษฐกิจ GDP เติบโต 4% ในปี 2021, 2.4% ในปี 2022, และ 1.3% ในปี 2023

  4. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25% คงมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการซื้อสินทรัพย์ที่ 1.2 แสนล้าน USD ต่อเดือน โดยคาดว่าจะยังไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยไปจนช่วงปลายปี 2022 นอกจากนี้ FED ยังเน้นเรื่องการฉีดวัคซีน และการสนับสนุนด้านนโยบายทั้งการเงินและการคลังของรัฐบาล

  5. ประธานาธิบดี Joe Biden ของสหรัฐฯ แถลงต่อสภา Congress เสนอแผนการลงทุนภายในประเทศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ช่วงปี 1960s ด้วยงบประมาณ 4 ล้านล้าน USD โดย Biden กล่าวว่าเป็น “once in a generation investment in America itself” เลยทีเดียว ซึ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาระบบขน ระบบประกันสุขภาพ ระบบการศึกษา การจ้างงาน รวมถึงการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมาแข็งแกร่งหลังวิกฤติโควิด แน่นอนว่าเงินลงทุนส่วนนี้จะมาจากการเรียกเก็บภาษีที่สูงขึ้นจากผู้มีรายได้ในระดับสูง ดังประเด็นที่เราเสนอไว้ในสัปดาห์ที่แล้ว ต้องติดตามว่านักลงทุนในตลาดหุ้นจะมีมุมมองอย่างไร

  6. รัฐบาลจีนลดการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะรัฐบาลท้องถิ่นที่เสนอขายพันธบัตรพิเศษ ที่เน้นลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน น้อยกว่า 2 ปีที่ผ่านมามาก เนื่องจากมองว่าโครงสร้างพื้นฐานในประเทศเริ่มเพียงพอแล้ว และต้องการลดหนี้เพื่อสร้างเสถียรภาพการเติบโตในระยะยาว โดยหากจะมีการลงทุนเพิ่มเติมหลังจากนี้ จีนน่าจะมุ่งเน้นไปที่ทางด้านการพัฒนาเทคโนโลยีมากขึ้น หลังทางสหรัฐฯ เริ่มส่งเสียงจะกีดกันการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้บริษัทที่อาจเกี่ยวข้องกับทางการจีน

  7. บริษัท E-commerce ยักษ์ใหญ่สัญชาติจีน JD.com (HK.9618) เริ่มมีการจ่ายเงินเดือนให้พนักงานบางส่วนเป็นหยวนดิจิทัล (digital yuan หรือ e-CNY) หลังจาก JD.com ได้ร่วมในโครงการทดลองการใช้งานหยวนดิจิทัลของธนาคารกลางจีน (PBOC)

  8. แพลตฟอร์มซื้อขาย Cryptocurrency ของตุรกี ชื่อ Thodox กำลังถูกทางการตุรกีตรวจสอบคดีฉ้อโกง โดยตัว platform ได้ปิดระงับการใช้ตั้งแต่วันที่ 21/02/2021 ทำให้ผู้ใช้บริการที่มีประมาณ 400,000 คน ไม่สามารถเข้าถึง digital assets ของตัวเองได้ และ CEO ของ Thodex นั้นได้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างติดตามหาตัว นอกจากนี้ยังมีผู้ที่คาดว่าเกี่ยวข้องถูกควบคุมตัวแล้วกว่า 80 คน ในช่วงที่ผ่านมา ประมาณการมูลค่ารวมความเสียหายที่ 108 ล้าน USD

  9. ไม่เกี่ยวกับคดีของ Thodex โดยตรงแต่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลตุรกีได้เสนอร่างกฎหมาย ไม่ให้ใช้ cryptocurrency ในการซื้อขายสินค้า โดยให้เหตุผลด้านความเสี่ยงเรื่องความเสียหายที่ไม่สามารถแก้ไขได้ (possible “irrevocable” damage and significant transaction risks) โดยเริ่มมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 30/04/2021

  10. ในอีกด้านหนึ่ง บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งก็อนุญาตให้ชำระค่าบริการด้วย cryptocurrency อย่าง Bitcoin ได้ (ตัวอย่าง 1, ตัวอย่าง 2) ดังนั้นเราก็ยังคงต้องติดตาม ประเด็นการใช้ cryptocurrency ต่อไป, ส่วนข่าวว่า Janet Yellen รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ต้องการให้มีการเก็บภาษี capital gain taxes จาก cryptocurrency ถึง 80% นั้นสรุปว่าเป็นข่าวลือ

มุมมองนักลงทุนในตลาด (ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน)

  1. ผลประกอบการหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ที่หลายบริษัทมี EPS เติบโตกว่าที่คาดการณ์หลายสิบเปอเซนต์ ชี้ว่าหุ้นกลุ่มนี้ได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด และมีน่าจะยังเติบโตได้แข็งแกร่งไปอีกหลายปี อย่างไรก็ตาม Earning Yield Gap ของหุ้นเทคโนโลยียังถือว่าไม่ค่อยน่าดึงดูดในช่วงนี้ อาจจะต้องรอดู Bond Yield 10 ปี และ อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ (Core PCE Inflation) ในเดือนพฤษภาคม ว่าจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร

  2. สำหรับตลาด Emerging Market นั้นจีนยังน่าลงทุนที่สุด เนื่องจากเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ไม่มีการกลับมาระบาดของโควิด และมีการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่ง ทำให้ได้เปรียบการลงทุนในประเทศ Emerging Market อื่นๆ ที่มีความอ่อนแอทางค่าเงินและเศรษฐกิจ เนื่องจากจะได้รับผลกระทบจากการปรับตัวขึ้นของ Bond Yield 10 ปี ของสหรัฐฯ

  3. ตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จาก fund flow ที่ไหลเข้าไปลงทุนต่อไปอีกหลายปี จากนักลงทุนที่เชื่อมันในโอกาสการเติบโต เนื่องจากเสถียรภาพ และนโยบายของรัฐบาล รวมถึงโครงสร้างประชากรที่จำนวนมากอยู่ในวัยทำงาน โดยล่าสุด Fubon FTSE Vietnam ETF ที่อ้างอิงดัชนี FTSE Vietnam 30 Index เริ่มเข้าซื้อขายวันแรกแล้วในตลาดหุ้นไต้หวัน ส่งผลให้มี fund flow ไหลเข้าตลาดหุ้นเวียดนามแล้วมากถึง 280 ล้าน USD นับตั้งแต่ทำการ IPO เมื่อสิ้นเดือน มี.ค.

-ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ALL NEWS