สรุปประเด็นการลงทุน
ก่อนสัปดาห์วันที่ 21 - 25 มิถุนายน 2564

เขียนเมื่อ: 20 June 2021

ประเด็นน่าสนใจ

  1. ตลาดหุ้นส่วนใหญ่ปรับตัวลง จากการประกาศแนวทางขึ้นอัตราดอกเบี้ย และการเมืองระหว่างประเทศ โดย Dow Jones -3.45%, S&P500 -1.91%, NASDAQ -0.28%, EU STOXX 600 -1.20% (ยุโรป), CSI300 -2.34% (จีน), TOPIX -0.38% (ญี่ปุ่น), SENSEX -0.25% (อินเดีย), VN100 +0.63% (เวียดนาม), SET -1.44%

  2. ธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา (Fed) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ และคงอัตราการทำ QE ไว้ที่ระดับเดิม โดยคาดการณ์ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2023 อย่างไรก็ผลการประกาศแสดงว่าอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นเร็วกว่าที่ Fed คาดการณ์ ต้องติดตามดูว่า Fed จะมีการปรับเปลี่ยนแผนการอย่างไรในการประกาศนโยบายครั้งต่อไป (อ้างอิง)

  3. อย่างไรก็ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกายังปรับตัวลดลง เนื่องจากการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และ Fed ประกาศคงนโยบาย QE ต่อไป โดยยังไม่มีการระบุว่าจะลดขนาด QE ลงเมื่อไหร่ ทำให้หุ้นกลุ่มเติบโตปรับตัวลดลงน้อยกว่าหุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่ในภาพรวมปรับตัวลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา (อ้างอิง)

  4. รัฐบาลจีนประกาศกฏหมายใหม่ เพื่อป้องกันข้อมูลภายในประเทศ ให้อำนาจประธานาธิบดี Xi Jinping สั่งปิด-ปรับ-ยึดไปอนุญาตประกอบกิจการ กับบริษัทที่ทำข้อมูลภายในประเทศรั่วไหล โดยมองว่าจะกระทบกับบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในสัปดาห์นี้ของบริษัทอย่าง Alibaba, Tencent, Meituan ไม่ได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากมีแรงกดดันอยู่ก่อนหน้าแล้ว (อ้างอิง)

  5. ตลาดหุ้นจีนทั้ง A-shares และ Hong Kong ปรับตัวลงแรงติดต่อกันเมื่อวันอังคารและวันพุธ โดยมีแรงกดดันหลักมาจากความตึงเครียดระหว่างกลุ่มประเทศ G7 และรัฐบาลจีน (และรัสเซีย) รวมยังขาดปัจจัยเชิงบวกระยะสั้น เป็นเหตุให้นักลงทุนต่างชาติขายสินทรัพย์ออกจากภาคธุรกิจที่อาจมีการประเมินราคาสูงกว่ามูลค่าที่แท้จริง เช่น กลุ่ม material และ healthcare (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

  6. ผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (G7) ประกาศจะร่วมกันให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีน Covid กับประเทศที่ยากจนเป็นจำนวนรวม 1 พันล้านโดส (อ้างอิง1) ซึ่งนับรวมประกาศก่อนหน้าของสหรัฐอเมริกา และสหราชอาณาจักร (อ้างอิง2) อย่างไรก็ตามประเทศที่กำลังเผชิญวิกฤติ Covid ยังต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมตามเป้าหมายที่องค์การอนามัยโลกคาดการณ์ (อ้างอิง3)

  7. ตลาดค้าปลีกและส่งออกของเวียดนามขยายช่องทางเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดผู้ให้บริการ e-commerce ชั้นนำของโลกอย่าง Amzaon และ Alibaba พยายามแข่งขันกันให้ผู้ค้าขายสินค้าในเวียดนาม จดทะเบียนร้านค้า online บน platform ของตน หลังความต้องการสินค้าที่ผลิตในเวียดนามเติบโตสามเท่าในปีที่ผ่านมา เช่น สินค้าประเภท เครื่องมือเครื่องใช้ทั่วไป เครื่องครัว และเครื่องแต่งกาย (อ้างอิง)

  8. นายกรัฐมนตรีไทย ออกมาประกาศเป้าหมาย เปิดประเทศใน 120 วัน และตั้งเป้ากระจายวัคซีน Covid 105.5 ล้านโดสในปีนี้ โดยเป้าหมายการเปิดประเทศจะเริ่มนับจากวันที่ 1 ก.ค. นี้ ที่จะเริ่มทดลอง “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วสามารถเดินทางเข้าพื้นที่ได้โดยไม่ต้องกักตัว (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

  9. Disney+ เตรียมเปิดให้บริการในไทยแล้ว โดยจะเริ่มการ streaming ในวันที่ 30 มิถุนายน นี้ โดย Disney ให้ AIS เป็นผู้ให้บริการ Disney+ Hotstar ในประเทศไทย ใครสนใจลองเข้าไปดูรายละเอียดกันได้ที่ https://www.disney.co.th/ ฝั่งตัว Disney เอง นอกจากการขยายธุรกิจ streaming ไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกแล้ว ในปีนี้ก็น่าจะได้รับแรงหนุนการกลับมาของธุรกิจสวนสนุกทั่วโลก ที่กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้ง

มุมมองนักลงทุนในตลาด (ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน)

  1. นักลงทุนมองว่าการปรับตัวลดลงของ bond yield และเงินเฟ้อที่น่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว เป็นสัญญาณว่าหุ้นเติบโต (growth stock) รวมถึงหุ้นกลุ่ม defensive ที่มีอำนาจกำหนดราคาสูง เช่น กลุ่ม healthcare จะกลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง (อ้างอิง)

  2. กลุ่ม REIT ในไทยน่าสนใจ หลังกลับมาทำผลตอบแทนได้ดีในระยะหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลังกลุ่ม REIT ทั่วโลก ที่ปรับตัวขึ้นนำมาแล้วหลายเดือน น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากเป้าหมายเปิดประเทศของรัฐบาล

  3. หุ้นเทคโนโลยีจีนยังน่าทยอยสะสม เนื่องจากปัจจัยกดดันที่เพิ่มขึ้นในตลาดจีนไม่ได้ส่งผลมากนัก อาจแสดงว่ารับข่าวร้ายไปมากแล้ว อย่างไรก็ตามยังมีความเสี่ยงหากมีนโยบายภาครัฐที่ส่งผลกระทบรุนแรง

-ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ALL NEWS