เขียนเมื่อ: 27 June 2021
นักลงทุนหายตกใจ ตลาดหลักๆ ฟื้นผลตอบแทนที่ติดลบอาทิตย์ที่แล้วได้ทั้งหมด โดย Dow Jones +3.44%, S&P500 +2.74%, NASDAQ +2.35%, EU STOXX 600 +1.24% (ยุโรป), CSI300 +2.69% (จีน), TOPIX +0.83% (ญี่ปุ่น), SENSEX +1.11% (อินเดีย), VN100 +0.63% (เวียดนาม), SET -1.88%
ราคาน้ำมัน ยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง จากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นหลังเศรษฐกิจฟื้นตัว แตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2018 โดยกลุ่ม OPEC+ วางแผนจะเพิ่มกำลังการส่งออก เพื่อควบคุมราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ยังมีความกดดันเรื่องการห้ามอิหร่านส่งออกน้ำมัน และความต้องการน้ำมันในจีน ที่อาจส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นต่อไป (อ้างอิง)
ไวรัส Covid สายพันธุ์ Delta ดูน่ากังวลมากขึ้น ภายหลังหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงสุดอย่างอิสราเอล พบการระบาดของ Covid สายพันธุ์นี้ จนต้องมีคำสั่งให้ให้ประชาชนกลับมาใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในอาคารอีกครั้ง โดยผู้ที่ฉีดวัคซีน Covid แล้ว จะไม่มีอาการรุนแรง แต่ก็มีอัตราการติดเชื้อที่สูง (อ้างอิง1, อ้างอิง2)
ประธานาธิบดี Joe Biden ของสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนการและงบประมาณการลงทุนในโครงสร้างฟื้นฐาน โดยมีส่วนเพิ่มเติมใหม่ที่เน้นในเรื่องการพัฒนาระบบขนส่ง และโครงข่ายสื่อสาร เช่น ถนน ทางรถไฟ ระบบขนส่งสาธารณะ ไฟฟ้า น้ำ และอินเตอร์เน็ต อย่างไรก็ตามยังต้องมีการโหวตผ่านสภาอย่างเป็นทางการก่อน (อ้างอิง1, อ้างอิง2)
Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) แถลงย้ำอีกครั้ง ว่ายังไม่มีแผนการปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่ประกาศก่อนหน้า แม้จะมีสมาชิกบางท่านออกมาให้ความเห็นว่าอาจมีการปรับดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาด เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย Powell ชี้แจงว่าอัตราการจ้างงานยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเป้าหมายมาก (อ้างอิง)
Microsoft เปิดตัว Windows 11 พร้อมกับเดินหน้าทำมูลค่าบริษัทสูงสุด ปิดสัปดาห์ที่ market cap 2 ล้านล้าน USD กลายเป็นหนึ่งในสองบริษัทในกลุ่ม 2 trillion club ในปัจจุบัน ซึ่งอีกบริษัทคือ Apple โดย Microsoft มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในธุรกิจ cloud ซึ่งได้มีการนำมาใช้ในการสร้าง ecosystem ของ Microsoft ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับต่ำที่ 0.5% ต่อปี และปรับลดประมาณการเติบโตของเศรษฐกิจลง เนื่องจากการท่องเที่ยวที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงผลกระทบจากการระบาดของ Covid ที่ยังไม่ลดความรุนแรง คาดว่าจะมีการเติบโตที่ 1.8% และ 3.9% ในปี 2021 และ 2022 ตามลำดับ โดยปัจจัยขับเคลื่อนมาจากการสนับสนุนการใช้จ่ายตามนโยบายภาครัฐ และการฟื้นตัวของภาคการส่งออกตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวได้ดีกว่า (อ้างอิง)
แวะมาดูความเคลื่อนไหว cryptocurrency ที่ยังไม่ฟื้นตัว และมีแรงกดดันโดยการกีดกันการใช้จากประเทศมหาอำนาจ ล่าสุดองค์กร Crypto Council for Innovation (CCI) ที่ได้รับการสนับสุนจากบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมการเงินที่เชื่อในศักยภาพของ cryptocurrency เตรียมจัดงานสัมมนาที่จะรวมผู้เชี่ยวชาญและเชื่อมั่นอย่าง Cathie Wood (ARK Invest) และ Jack Dorsey (Square, Inc.) มาแบ่งปันมุมมองเรื่อง cryptocurrency กับบุคคลในแวดวงการเงิน การลงทุน และผู้สนใจ (อ้างอิง) โดยงานสัมมนาจะจัดขึ้นในวันที่ 21-07-2021 ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.thebword.org/c/the-b-word
ตลาดหลักทรัพย์ไทยเตรียมพัฒนาระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่าน Settrade Streaming ให้เชื่อมโยงการลงทุนไปยังตลาด cryptocurrency ได้ โดยตั้งใจให้ Settrade Streaming เป็นตัวกลางที่เชื่อมโยงการซื้อขายสินทรัพย์ได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น หุ้น, กองทุน, DR, รวมถึง Digital Asset เพื่อให้นักลงทุนไม่ต้องเปิดบัญชีซ้ำซ้อน หรือซื้อขายสินทรัพย์ลงทุนผ่านตลาดหลายแห่ง (อ้างอิง1, อ้างอิง2)
นักลงทุนส่วนมากยังเชื่อว่า Fed จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินอย่างกะทันหัน และเชื่อว่าหุ้นกลุ่ม growth จะ outperform ในระยะสั้นและระยะกลาง โดยหากตลาดมีการปรับฐานก็เป็นจังหวะที่น่าสะสมเพิ่ม (อ้างอิง1, อ้างอิง2),
ผู้ชื่นชอบกองทุนหุ้น growth สะสมได้ ทั้งแบบมั่นคง (TMBGQG), แบบเติบโต (ONE-UGG-RA, KF-US), และแบบสายซิ่ง (TMB-ES-INTERNET)
ส่วนใครสนใจเกาะ trend การเติบโตของอุตสาหกรรม semiconductor ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบัน ช่วงนี้มีกองทุนออกมาหลายตัวที่ผู้ชื่นชอบอาจพิจารณาจัดสัดส่วนการลงทุนแบบ thematic ได้ ลองอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก บทความ Finnomena