สรุปประเด็นการลงทุน
ก่อนสัปดาห์วันที่ 12 - 16 กรกฎาคม 2564

เขียนเมื่อ: 11 July 2021

ประเด็นน่าสนใจ

  1. ตลาดหุ้นฝั่งตะวันตกปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่วนภาพรวมฝั่งเอเชียปรับตัวลดลง โดย Dow Jones +0.24%, S&P500 +0.40%, NASDAQ +0.43%, EU STOXX 600 +0.19% (ยุโรป), CSI300 -0.23% (จีน), TOPIX -2.25% (ญี่ปุ่น), SENSEX -0.19% (อินเดีย), VN100 -4.77% (เวียดนาม), SET -1.67%

  2. ไวรัส Covid สายพันธุ์ Delta กลายเป็นสายพันธุ์หลักของการระบาดขณะนี้ ในหลายประเทศทั่วโลก และอาจส่งผลต่อมาตราการเปิดเมืองในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะประเทศยุโรปที่ก่อนหน้านี้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ส่วนในประเทศไทย มีประมาณการณ์ว่า 70% ของผู้ติดเชื้อ Covid ในช่วงนี้ เป็นสายพันธุ์ Delta อย่างไรก็ตาม รายงานจากสหรัฐอเมริกาให้ความเห็นว่า วัคซีนที่ใช้ในอเมริกา (mRNA-based) มีประสิทธิภาพดีในการป้องกันผู้ติดเชื้อ ไม่ให้มีอาการรุนแรง (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3, อ้างอิง4)

  3. ตัวเลขผู้ติดเชื้อ Covid ในไทยเพิ่มมากขึ้น ล่าสุดยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน เมื่อวันศุกร์ ทะลุ 9000 คนแล้ว โดย ศบค. ตัดสินใจประกาศล็อกดาวน์ เริ่มวันที่ 2021/07/12 สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปริมณฑล (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร) และ 4 จังหวัดภาคใต้ (นราธิวาส ปัตตานี ยะลา สงขลา) มีเนื้อหาหลักสำหรับบุคคลทั่วไป คือ ห้ามออกนอกเคหะสถานระหว่างเวลา 21.00 ถึง 04.00 และ ปิดห้าง เปิดเฉพาะส่วนซูเปอร์มาเก็ต และร้านสะดวกซื้อถึง 20:00 ทุ่ม (อ้างอิง)

  4. ทางการจีน สั่งให้ผู้ให้บริการ app stores บนมือถือ นำ app ของ Didi ออกจากระบบ ไม่ให้ผู้ใช้ใหม่สามารถ download และสมัครใช้บริการ เนื่องจากมีการเก็บข้อมูลผู้ใช้อย่างไม่เหมาะสม ทั้งนี้คำสั่งจากดังกล่าว เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วัน หลัง Didi ทำการ IPO กับตลาดหุ้น NYSE ที่สหรัฐอเมริกาไปเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งสัญญาณกับนักลงทุน ว่าทางการจีนจะดำเนินมาตรการควบคุมบริษัทเทคโนโลยีจีนยักษ์ใหญ่อย่างเข้มงวดต่อไป มีผลให้ดัชนีหุ้น MSCI China ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในอาทิตย์ที่ผ่านมา (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)

  5. แวะมาดูตลาดเวียดนาม ที่มีผลการดำเนินงานร้อนแรงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว สถาณการณ์ Covid มีความน่ากังวลมากขึ้น โดยยอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตั้งแต่อาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้รัฐบาลเวียดนาม ประกาศล็อกดาวน์เมืองโฮจิมินห์ เป็นเวลาอย่างน้อย 15 วัน เริ่มตั้งแต่ 2021/07/09 ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (อ้างอิง)

  6. สถานการณ์ราคาน้ำมันยังทรงตัว ภายหลังกลุ่ม OPEC+ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงที่จะเพิ่มกำลังการผลิตได้ ทั้งที่ความต้องการบริโภคยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นตอนต้นสัปดาห์ แต่ก็มีความกังวลว่าการที่ OPEC+ ตกลงกันไม่ได้ จะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงของประเทศสมาชิก จนเกิด price war ที่จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์เชื่อว่าสุดท้ายแล้ว OPEC+ จะตกลงกันได้ (อ้างอิง)

  7. ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยังคงมีท่าทีดำเนินนโยบายทางการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป ล่าสุดรายงานการประชุม Fed เมื่อเดือนที่ผ่านมา มีเนื้อการกล่าวว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจนั้นยังไม่ถึงเป้าหมาย ส่วนฝั่ง ECB ก็มีการปรับเป้าเงินเฟ้อระยะกลางเพิ่มเป็น 2% (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

การลงทุนน่าสนใจ (ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน)

  1. หุ้นจีนขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่ม techlogy ปรับตัวลงรุนแรง เนื่องจากแรงกดดันด้าน regulation จากทางการ ระยะสั้นมีโอกาสผันผวนมาก แต่ภาพรวมการเติบโตเศรษฐกิจจีนยังคงเป็นบวก นักลงทุน DIY ที่ลงทุนกองทุนจีนระยะกลางถึงยาว สามารถพิจารณาเป็นจังหวะสะสมกองทุนประเภทดังกล่าว กองทุนเด่นๆ เช่น K-CHINA-A(A) ลงทุนในกลุ่ม All China ที่ครอบคลุมหุ้นจีนขนาดใหญ่ในทุกตลาดทั่วโลก, KT-ASHARES-A ลงทุนในหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในประเทศจีน (A-Shares), WE-CHIG ลงทุนในหุ้นบริษัทจีนขนาดเล็ก-กลาง ที่มีโอกาสเติบโตสูง ไปพร้อมกับการบริโภคในประเทศจีน

  2. หุ้นฝั่งอเมริกาและยุโรปยังน่าจะปรับตัวขึ้นได้ต่อไป เนื่องจากยังได้รับแรงหนุนจากนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลาย สถานการณ์ Covid ที่ควบคุมได้ และการปรับเพิ่มประมาณการณ์ผลกำไรของหุ้นบริษัทใหญ่ กองทุนเด่นๆ เช่น TMBGQG ลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ ที่เติบโตมั่นคงทั่วโลก, ONE-UGG-RA ลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงทั่วโลก

  3. ในที่สุดเวียดนามก็เริ่มมีจังหวะย่อตัว หลายคนอาจจะเล็งไว้ ไม่ได้ซื้อสักที ช่วงนี้เป็นโอกาสทยอยสะสม รวมถึงอาจจับตาดูเพื่อเพิ่มสัดส่วนลงทุน หากมีการปรับตัวลงอีก ผู้สนใจลงทุนกองทุนหุ้นเวียดนามสามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก Finnomena รีวิวกองทุนเวียดนาม ครบจบในที่เดียว!

-ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ALL NEWS