สรุปประเด็นการลงทุน
ก่อนสัปดาห์วันที่ 9 - 13 สิงหาคม 2564

เขียนเมื่อ: 08 August 2021

ประเด็นน่าสนใจ

  1. ตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวขึ้น จากผลประกอบการฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปที่ออกมาดี รวมถึงการฟื้นตัวของหุ้นจีนจากแรงเทขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดย Dow Jones +0.78%, S&P500 +0.94%, NASDAQ +1.11%, EU STOXX 600 +1.78% (ยุโรป), CSI300 +2.29% (จีน), TOPIX +1.49% (ญี่ปุ่น), SENSEX +3.22% (อินเดีย), VN100 +2.16% (เวียดนาม), SET -0.01%

  2. ยอดผู้ติดเชื้อ Covid รายวันในไทยยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใกล้แตะระดับ 22000 คน/วัน แม้จะกระจายมาตรการ lockdown ไปหลายพื้นที่มากขึ้น มีแนวโน้มสถานการณ์จะไปสู่ระดับ worst case ตามประมาณการณ์ของศูนย์วิจัยธนาคารกรุงศรีที่คาดการณ์อัตราผู้ติดเขื้อจะปรับตัวสูงขึ้นจนถึงกลางเดือนสิงหาคม ที่ระดับเกือบ 25000 คน/วัน และไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ภายในปีนี้ (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

  3. คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุม กนง. ในวันที่ 4 ส.ค. 2021 ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 0.50% ต่อปี โดยเศรษฐกิจไทยในปี 2021 นั้นได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 มากกว่าที่ประเมินไว้ ทำให้มีการปรับเป้าการขยายตัวของ GDP เป็น 0.7% และ 3.7% ในปี 2021 และ 2022 ตามลำดับ เนื่องจากการบริโภคภาคเแกชนที่ลดลง และแนวโน้มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ปรับลดลงมากในปีหน้า (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

  4. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงแตะระดับอ่อนที่สุดตั้งแต่กลางปี 2017 ภายหลังธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำ และปรับลดเป้าการเติบโตของ GDP รวมถึงสถานการณ์ Covid ที่ยังควบคุมไม่ได้ ส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติโยกย้ายเงินลงทุนออก นอกจากนี้การลดลงของนักท่องเที่ยวก็ทำให้ความต้องการเงินบาทลดลง (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

  5. อัพเดตความเคลื่อนไหวนักกีฬาไทยใน Olympics 2020 ที่ญี่ปุ่น ล่าสุดคว้าเหรียญทองแดงเพิ่มได้อีกหนึ่งเหรียญ โดย แต้ว (สุดาพร สีสอนดี) จากมวยสากลสมัครเล่นหญิง ทำให้ล่าสุดทีมนักกีฬาไทยได้มาแล้ว 1 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทองแดง (อ้างอิง)

  6. ฝั่งสหรัฐอเมริกา ประกาศตัวเลขการจ้างงานล่าสุดสูงกว่าคาด ส่งผลให้ดัชนี Dow Jones และ S&P500 ปรับตัวสูงขึ้นทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นอัตราค่าจ้างยังเพิ่มสูงขึ้น และตัวเลขการว่างงานลดต่ำสุดในรอบ 16 เดือน ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นกลุ่ม cyclical และหุ้น mid/small cap เติบโตได้ดีในช่วงต่อจากนี้ (อ้างอิง)

  7. ตลาดหุ้นจีนยังมีความกดดัน จากแนวทางเดินหน้าจัดระเบียบและควบคุมอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มส่งผลเสียต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว ตั้งแต่ มาตรการป้องกันการผูกขาด ธุรกิจเรียนพิเศษ ล่าสุดสื่อของทางการจีนรายงานว่า มีโอกาสจะถึงคิวของธุรกิจเกม ธุรกิจสุรา และธุรกิจบุหรี่อิเล็กทรอนิกส์ ทำให้หุ้นของบริษัทในกิจการเหล่านี้ปรับตัวลงรุนแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในทางกลับกัน นักลงทุนมองว่าธุรกิจสุขภาพและกีฬาจะได้ประโยชน์จากแนวทางการจัดระเบียบครั้งนี้ (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)

  8. สำหรับเวียดนาม สถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid ยังมีแนวโน้มยืดเยื้อ อย่างไรก็ตามการแข็งค่าของค่าเงิน USD จะเป็นประโยชน์ต่อตัวเลขการส่งออกเวียดนาม รวมถึงการที่สหรัฐประกาศให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนกับเวียดนามอย่างต่อเนื่อง ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจ โดยมีเงินทุนไหลเข้า ETF ในเวียดนาม ในเดือน ก.ค. หลังเงินทุนไหลออกในเดือน พ.ค. และ มิ.ย. (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

การลงทุนน่าสนใจ (ไม่ใช่การเชิญชวนให้ลงทุน)

  1. กองทุนหุ้นยุโรปมีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น ภายหลังบริษัทส่วนใหญ่ประกาศงบไตรมาสล่าสุดออกมาดี ไม่แพ้ทางฝั่งสหรัฐฯ แต่ valuation โดยรวมยังถูกกว่า
    กองทุนเด่น เช่น
    KEUSMALL ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและเล็ก ที่มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว,
    KF-EUROPE ลงทุนในหุ้นเติบโตขนาดใหญ่

  2. หุ้นจีนเริ่มปรับตัวขึ้น จาก panic sell เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แต่ระดับราคายังน่าสนใจสำหรับผู้ที่เชื่อในการเติบโตระยะยาวของเศรษฐกิจจีน ยังสะสมได้เรื่อยๆ
    กองทุนเด่น เช่น
    K-CHINA-A(A) ลงทุนในกลุ่ม All China ที่ครอบคลุมหุ้นจีนขนาดใหญ่ในทุกตลาดทั่วโลก,
    KT-ASHARES-A ลงทุนในหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในประเทศจีน (A-Shares),
    WE-CHIG ลงทุนในหุ้นบริษัทจีนขนาดเล็ก-กลาง ที่มีโอกาสเติบโตสูง ไปพร้อมกับการบริโภคในประเทศจีน

  3. ตลาดเวียดนามยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิแล้ว แม้ว่าปัญหา Covid อาจยังไม่ถึงจุดที่แย่ที่สุด แต่การเติบโตระยะยาวยังคงน่าสนใจ
    กองทุนเด่น เช่น
    PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามในไทยที่มีผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดรอบปีที่ผ่านมา

-ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ALL NEWS