เขียนเมื่อ: 19 September 2021
ภาพรวมตลาดเป็นเชิงลบ โดย Dow Jones -0.07%, S&P500 -0.57%, NASDAQ -0.47%, EU STOXX 600 -0.96% (ยุโรป), CSI300 -3.14% (จีน), TOPIX +0.41% (ญี่ปุ่น), SENSEX +1.22% (อินเดีย), VN100 +0.45% (เวียดนาม), SET -0.59%
บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ลำดับที่ 2 ของจีน Evergrande มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้ปริมาณมหาศาล ภายหลังบริษัทไม่สามารถปรับโครงสร้างหนี้ตามกฎหมายควบคุมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งหากมีการผิดนัดชำระหนี้จริง จะส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งธนาคารที่ให้กู้, เจ้าหนี้การค้า, ผู้ซื้อบ้าน, และนักลงทุน (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
มีแนวโน้มว่ารัฐบาลจีนจะใช้มาตรการการเงินเพื่อพยุงเศรษฐกิจ หากมีการผิดนัดชำระหนี้จริง โดยให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพของระบบธนาคารและช่วยเหลือผู้ซื้อบ้าน ล่าสุดธนาคารกลางของจีนเพิ่มอัดฉีดสภาพคล่องให้ธนาคารในประเทศในปริมาณสูงสุดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ (อ้างอิง)
รัฐบาลจีนยังดำเนินนโยบายตรวจสอบอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทางการเริ่มประเมินแนวทางควบคุมอุตสาหกรรม casino ส่งผลให้นักลงทุนเทขายอย่างรวดเร็ว (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
ฝั่งยุโรป สัปดาห์นี้ยังติดลบเล็กน้อย ต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ล่าสุดสหราชอาณาจักรประกาศตัวเลขเงินเฟ้อเดือนล่าสิงหาคม เป็นตัวเลขสูงสุดในรอบเก้าปี นอกจากนั้นตัวเลขยอดค้าปลีกก็ชะลอตัวเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามอัตราการฉีดวัคซีนในยุโรปยังคงดำเนินไปอย่างรวดเร็ว และไม่มีการระบาดระลอกใหม่ในวงกว้าง น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง (อ้างอิง1, อ้างอิง2)
กองทุนที่เน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ยังคงน่าสนใจ โดยเฉพาะบริษัทที่เติบโตแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง และมีความได้เปรียบในด้านผลิตภัณฑ์ ซึ่งจะสามารถเติบโตได้ แม้นโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจจะผ่อนคลายลง
กองทุนเด่น เช่น
TMBGQG ลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ ที่เติบโตมั่นคงทั่วโลก,
KFHTECH-A ลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตโดดเด่น,
B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี
กองทุนกลุ่ม healthcare ที่มีการปรับคาดการณ์ผลประกอบการอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ราคายังถูกกว่ากองทุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ได้รับความสนใจมากกว่า นอกจากนั้นยังได้รับผลกระทบน้อย หากมีการลดการลงทุนจากนโยบายการเงินที่จะเข้มงวดขึ้นต่อจากนี้
(แนะนำกองทุน healthcare จาก Finnomena)
กองทุนเด่น เช่น
BCARE กองทุน healthcare ยอดนิยมของไทย ที่เน้นลงทุนในบริษัทนวัตกรรมทางการแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ,
KFHHCARE-A เน้นลงทุนในบริษัทกลุ่ม quality และ defensive โดยหลีกเลี่ยงหุ้นที่มูลค่าสูงเกินจริง,
KT-HEALTHCARE-A ผสมผสานบริษัทกลุ่ม defensive เช่น ยา และอุปกรณ์การแพทย์ กับกลุ่ม biotechnology ที่ช่วยสร้างการเติบโต
กองทุนหุ้นญี่ปุ่น น่าสนใจสะสมในระยะกลาง ภายหลังมีการปรับประมาณการณ์กำไรอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่ได้รับความสนใจ จนมีการประกาศเตรียมเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีเมื่อสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมามี momentum เชิงบวก และน่าสนใจเข้าทยอยสะสม
(บทความจาก Finnomena, แนะนำกองทุนญี่ปุ่นจาก Finnomena)
กองทุนเด่น เช่น
K-JPX ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี TOPIX ที่แสดงภาพรวมของตลาดหุ้นญี่ปุ่น
SCBNK225 ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี Nikkei225 ที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของบริษัทขนาดใหญ่
KF-HJAPAND ลงทุนแบบ active โดยไม่ยึดติดกับดัชนีเน้นการสร้างผลตอบแทนรวมที่ดี