สรุปประเด็นการลงทุน
ก่อนสัปดาห์วันที่ 4 - 8 ตุลาคม 2564

เขียนเมื่อ: 03 October 2021

ประเด็นน่าสนใจ

  1. การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones -1.35%, S&P500 -2.21%, NASDAQ -3.20%, EU STOXX 600 -2.24% (ยุโรป), CSI300 +0.35% (จีน), TOPIX -5.00% (ญี่ปุ่น), SENSEX -2.14% (อินเดีย), VN100 -1.55% (เวียดนาม), SET -1.59%

  2. ยาต้าน Covid แบบกินที่กำลังทดสอบในสหรัฐฯ ให้ผลเบื้องต้นเป็นที่น่าพอใจ โดยช่วยลดอัตราการป่วยหนักในผู้ป่วยระยะแรกได้ถึง 50% ผลทดสอบดังกล่าวทำให้ FDA (อ.ย. ของสหรัฐฯ) เตรียมให้การอนุมัติแบบเร่งด่วน โดย Merck บริษัทผู้ร่วมผลิตยาดังกล่าว (molnupiravir) เตรียมยื่นขออนุมัติจากหน่วยงานสาธารณสุขทั่วโลก ข่าวดังกล่าวส่งผลให้ราคาหุ้น Merck ปรับตัวขึ้นกว่า 8% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

  3. ราคาน้ำมันและเชื้อเพลิงมีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอีก จากความกดดันด้านการใช้พลังงานที่จะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวของหลายประเทศ นอกจากนั้นยังมีความกดดันจากแผนการกักตุนเชื้อเพลิงของจีน ซึ่งจีนพร้อมสู้ราคาการประมูลเชื้อเพลิงเหล่านี้ในตลาดโลก เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติขาดแคลนพลังงานในประเทศ (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)

  4. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แถลงต่อคณะกรรมการวุฒิสภา ยังคาดการณ์ไปในทางเดียวกัยธนาคารการยุโรป (ECB) ว่าเงินเฟ้อจะลดระดับลง แต่อาจต้องใช้เวลาถึงปี 2022 ซึ่งนานกว่าที่เคยให้ความเห็นไว้ และ Fed ยังคงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งในปี 2022 พร้อมให้การว่าพร้อมรับมือหากอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มกลายเป็นปัญหาต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามความกังวลเรื่องเงินเฟ้อเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลงติดต่อกันในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (อ้างอิง)

  5. น่าจับตาเรื่องการอนุมัติขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ต้องใช้เวลาถึงวันสุดท้ายจึงจะตกลงกันได้ โดยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ยังดำเนินต่อไป อาจส่งผลให้ต้องมีการลงมติขยายเพดานหนี้อีกหลายครั้งในอนาคต ซึ่งหากครั้งใดไม่สำเร็จ ก็จะทำให้รัฐบาลสหัรฐฯ ผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวมถึงต้องเลิกจ้างพนักงานและงดให้บริการภาครัฐบางส่วน แน่นอนว่าจะทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

  6. ญี่ปุ่นเตรียมได้นายกรัฐมนตรีคนใหม่ในวันจันทร์นี้ หลังนาย Fumio Kishida ได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้นำพรรค LDP ที่ครองเสียงข้างมากในสภา โดยว่าที่นายกฯ ของญี่ปุ่น เคยประกาศเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายหากได้รับการเลือกตั้ง นอกจากนั้นยังสนับสนุนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และต้องการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ (อ้างอิง)

การลงทุนน่าสนใจ

  1. ความเสี่ยงเรื่องเงินเฟ้อ และความเสี่ยงเรื่องหนี้สาธารณะของประเทศผู้นำโลกอย่างสหรัฐฯ จะส่งผลร้ายแรงถ้าเกิดขึ้นจริง อย่างไรก็ตามไม่ควรกังวลจนพลาดโอกาสลงทุน ซึ่งกลุ่มการลงทุนที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดี รวมถึงมีศักยภาพสามารถฝ่าความเสี่ยงเหล่านี้ได้จะเป็นบริษัทที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน และมีผลกำไรแข็งแกร่ง ซึ่งเรายังมองไปที่กลุ่มผู้นำด้าน technology และ healthcare

    กองทุนเด่น ฝั่ง tech เช่น
    TMBGQG ลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ ที่เติบโตมั่นคงทั่วโลก,
    KFHTECH-A ลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตโดดเด่น,
    B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี
    นอกจากนี้ ผู้ที่ชอบกอง passive อาจพิจารณา
    K-USXNDQ-A(A) หรือ SCBNDQ โดยทั้งสองกองทุนลงทุนตามดัชนี Nasdaq-100 ที่ไม่รวมกลุ่มสถาบันการเงิน

    กองทุนเด่น ฝั่ง healthcare เช่น
    BCARE กองทุน healthcare ยอดนิยมของไทย ที่เน้นลงทุนในบริษัทนวัตกรรมทางการแพทย์และเทคโนโลยีชีวภาพ,
    KFHHCARE-A เน้นลงทุนในบริษัทกลุ่ม quality และ defensive โดยหลีกเลี่ยงหุ้นที่มูลค่าสูงเกินจริง,
    KT-HEALTHCARE-A ผสมผสานบริษัทกลุ่ม defensive เช่น ยา และอุปกรณ์การแพทย์ กับกลุ่ม biotechnology ที่ช่วยสร้างการเติบโต

  2. Japan จะได้ผู้นำคนใหม่ในวันจันทร์นี้ และเตรียมเสนอนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แนะนำลงทุนระยะกลางเพื่อรับประโยชน์จากเม็ดเงินที่จะไหลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจญี่ปุ่น
    อ่านเพิ่มเติมได้ที่ บทความ FINNOMENA Long Term Tactical Call: เริ่มสะสม KF-HJAPAND ราคาเริ่มสะท้อนมุมมองเชิงบวกหลังการเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐฯ กองทุนเด่น เช่น
    K-JPX ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี TOPIX ที่แสดงภาพรวมของตลาดหุ้นญี่ปุ่น
    SCBNK225 ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี Nikkei225 ที่สะท้อนความเคลื่อนไหวของบริษัทขนาดใหญ่
    KF-HJAPAND ลงทุนแบบ active โดยไม่ยึดติดกับดัชนีเน้นการสร้างผลตอบแทนรวมที่ดี

  3. ดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามทรงตัวในสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่ทำมายาวนาน แต่ GDP ไตรมาส 3 หดตัวแย่กว่าที่ตลาดคาด ซึ่งมีโอกาสว่า Q3 จะเป็นจุดต่ำสุด ผู้สนใจลงทุนในเวียดนามสามารถทยอยสะสม
    กองทุนเด่น เช่น
    PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามในไทยที่มีผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดรอบปีที่ผ่านมา

  4. ตลาดหุ้นจีนหยุดยาวในสัปดาห์หน้าเนื่องในโอกาสวันชาติจีน ทำให้กองทุนจีนหลายกองหยุดทำการ ท่านที่มีการซื้อขายกองทุนจีนในช่วงนี้ต้องรอหน่อยนะครับ
    ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.finnomena.com/the-opportunity/fund-update-29-09-2021/
    หากมีข้อสงสัยสอบถามเพิ่มเติมได้เลยครับ

-ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ALL NEWS