ประเด็นน่าสนใจ

1. การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones +1.58%, S&P500 +1.82%, NASDAQ +2.18%, EU STOXX 600 +2.65% (ยุโรป), CSI300 +0.04% (จีน), TOPIX +3.16% (ญี่ปุ่น), SENSEX +2.08% (อินเดีย), VN100 +2.11% (เวียดนาม), SET -0.07%

2. ตลาดหุ้นรอบโลก เริ่มมีสัญญาณกลับตัว โดยเฉพาะฝั่งสหรัฐฯ โดยเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นมากที่สุดตั้งแต่เดือนมีนาคม
   ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลที่กดดันตลาดในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
   แต่ที่สำคัญกว่าคือการประกาศผลกำไรของหลายบริษัทใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร ที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์
   และนักวิเคราะห์เชื่อว่าบริษัทชั้นนำที่กำลังจะทยอยประกาศงบในอาทิตย์ต่อจากนี้ จะมีผลประกอบการออกมาดีกว่าที่มีเคยคาดการณ์กันไว้ (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)

3. ธนาคารชั้นแนวหน้า 10/13 แห่ง ปรับลดประมาณการเติบโตของ GDP ในจีนประมาณ 0.3% จากปัจจัยกดดันหลายด้าน
   ทั้งการชะลอการใช้จ่ายของชาวจีน, การปิดเมืองเพื่อคงบคุมการระบาดของ Covid, และปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่
   รวมถึงยังมีความกังวลเรื่องมาตรการควบคุมการผูกขาดของบริษัทขนาดใหญ่
   อย่างไรก็ตาม ตัวเลขการเติบโตคาดการณ์ยังอยู่ที่ระดับประมาณ 8% ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก รวมถึงยังสูงกว่าที่ตัวเลขคาดการณ์การเติบโตที่รัฐบาลจีนประกาศไว้ (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

4. ราคาน้ำมันยังปรับตัวสูงขึ้น ภายหลังกลุ่ม OPEC+ ยืนยันยังไม่ปรับเพิ่มกำลังการผลิต นอกจากนั้นผู้ผลิตน้ำมันแบบ shale oil ในสหรัฐฯ ก็ไม่ต้องการลงทุนเพิ่ม เนื่องจากความเสี่ยงที่จะไม่คุ้มทุน เมื่อราคาน้ำมันปรับตัวลงในภายหลัง
   โดยคาดว่าความต้องการน้ำมันจะยังเพิ่มขึ้นต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิดประเทศเริ่มขยายวงกลว้างขึ้น และฤดูหนาวที่ใกล้เข้ามา (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

5. เวียดนามส่งสัญญาณฟื้นตัวชัดเจนขึ้น ภายหลังผ่อนคลายมาตรการณ์ lockdown เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
   โดยทีม Finnomena เห็นจากข้อมูลจาก Google Mobility Index ว่าผู้คนมีการเดินทางไปทำงาน และไปจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น
   สะท้อนว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจต่อจากนี้จะดีขึ้น หลังปรับตัวลงในไตรมาสที่ 3 (อ้างอิง)

6. Cryptocurrency กลับมาคึกคัก โดย Bitcoin ปรับตัวสูงขึ้น ใกล้ระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อเดือน เมษายน 2564
   จากข่าวเตรียมเปิดตัว ETF ที่ผูกกับราคา Bitcoin Futures ให้นักลงทุนทั่วไปสามารถซื้อขายได้ในอาทิตย์หน้า
   แม้ว่ายังต้องรอการอนุมัติอย่างเป็นทางการจาก กลต. สหรัฐฯ แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าแผนการดังกล่าวจะดำเนินไปได้อย่างเรียบร้อย
   โดยถือเป็นก้าวสำคัญของวงการ cryptocurrency ที่จะได้รับการยอมรับจากผู้ควบคุมนโยบายของรัฐอย่างเป็นทางการ และมีโอกาสที่ adoption rate ที่รวดเร็วขึ้นหลังจากนี้ (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)

7. ไทยเตรียมเปิดประเทศ เริ่มจากวันที่ 1 พ.ย. นี้ ที่นักท่องเที่ยวเดือนทางมาจากประเทศเสี่ยงต่ำจะสามารถเดินทางเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว
   และวันที่ 1 ธ.ค. ก็เตรียมให้สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และสถานบันเทิง กลับมาเปิดให้บริการได้
   คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว และการพักผ่อนของทั้งนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ (อ้างอิง)

การลงทุนน่าสนใจ

1. นักวิเคราะห์ฝั่งสหรัฐฯ มองว่าเทศกาลประกาศผลประกอบการณ์ที่จะถึงนี้จะเป็นการประกาศข่าวดีของบริษัทขนาดใหญ่ ภายหลังกลุ่มธนาคารหลายแห่งประกาศผลการดำเนินงานดีกว่าคาด และตลาดตอบรับในทางบวก (อ้างอิง)
   เรายังมองว่าเป็นโอกาสสะสมกลุ่มผู้นำด้าน technology ที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว รวมถึงมีศักยภาพสามารถที่จะฝ่าความเสี่ยงในอนาคต
   
   กองทุนเด่น เช่น
   TMBGQG ลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ ที่เติบโตมั่นคงทั่วโลก,
   KFHTECH-A ลงทุนในหุ้นบริษัทเทคโนโลยีที่มีการเติบโตโดดเด่น,
   B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี
   
   นอกจากนี้ ผู้ที่ชอบกอง passive อาจพิจารณา
   K-USXNDQ-A(A) หรือ SCBNDQ โดยทั้งสองกองทุนลงทุนตามดัชนี Nasdaq-100

2. เวียดนามส่งสัญญาณน่าสนใจ ทั้งทางด้านพื้นฐาน และเทคนิค
   ภายหลังเราเคยแนะนำไปก่อนหน้า ว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวหลังผ่อนคลาย lockdown (อ้างอิง)
   ตอนนี้ทางด้านเทคนิค ดัชนีเวียดนาม break กรอบ consolidation และทีมงาน Finnomena ก็ได้มีการปรับกองทุนเวียดนามเข้าพอร์ต GAR และ TOP5 เพื่อสร้าง Alpha แล้ว – บทความ ปรับพอร์ตหา Alpha รับโอกาสการลงทุนในเวียดนาม
   
   กองทุนแนะนำ
   PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามในไทยที่มีผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดรอบปีที่ผ่านมา

-ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ALL NEWS