เขียนเมื่อ: 28 November 2021
การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones -1.97%, S&P500 -2.20%, NASDAQ -3.52%, EU STOXX 600 -4.53% (ยุโรป), CSI300 -0.61% (จีน), TOPIX -2.91% (ญี่ปุ่น), SENSEX -4.24% (อินเดีย), VN100 +3.63% (เวียดนาม), SET -2.09%
น่าจับตาที่สุดเป็นเรื่องการระบาดของ Covid สายพันธุ์ใหม่ ที่เริ่มมีการตรวจเจอผู้ติดเชื้อในหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยสายพันธุ์นี้มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างหลายจุด เทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้า ทำให้มีความกังวลเรื่องการกระจายตัวและความรุนแรงของอาการ รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีใช้อยู่ในตอนนี้ (อ้างอิง)
ความกังวลว่าการระบาดดังกล่าวจะส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวรอบใหญ่อีกครั้ง ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงรุนแรง เมื่อวันศุกร์ โดย Dow Jones ปรับตัวลดลงในวันเดียวมากที่สุดในรอบปี ที่ -2.53% โดยตลาดอย่าง NASDAQ, STOXX, Hang Seng ก็ปรับลดลงมากกว่า 2% ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงกว่า 10% ในวันเดียว (อ้างอิง1, อ้างอิง2)
ความตึงเครียดระหว่าง สหรัฐอเมริกา และ จีน ยังคงดำเนินต่อไป ล่าสุดอเมริกาแบนบริษัทจีนเพิ่ม เนื่องจากสงสัยว่ามีการทำงานสนับสนุนภาครัฐ ฝั่งทางการจีนก็ออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ เลิกปฏิบัติต่อบริษัทจีนอย่างไม่เป็นธรรม และจะดำเนินนโยบายตอบโต้หากจำเป็น (อ้างอิง1, อ้างอิง2)
ผู้ให้คำแนะนำการลงทุน คาดการณ์ว่าการคุมเข้มของทางการจีน ที่มีกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ มีโอกาสลากยาวนานเป็นสิบปี อย่างไรก็ตามบริษัทเหล่านี้จะได้ประโยชน์ในระยะยาว และดูเหมือนนักลงทุนที่มีเป้าหมายระยะยาวยังคงทยอยลงทุนในบริษัทเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง (อ้างอิง)
นักลงทุนจำนวนมากกังวลที่ตลาดปรับตัวลงอย่างรุนแรงเมื่อวันศุกร์
ตอนนี้ Finnomena กำลังดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและจะทำการแจ้งให้ผู้ลงทุนในแผนต่างๆ ทำการปรับพอร์ตหากประเมินว่า Covid สายพันธุ์ใหม่มีโอกาสจะส่งกระทบที่รุนแรง
นักลงทุน DIY อาจรอดูการประเมินสถานการณ์และคำแนะนำในภาพรวมได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงครั้งนี้ อาจเป็นโอกาสให้สะสมกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่ง
โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยีที่มีความได้เปรียบทางการแข่งขันสูง และมีผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง
กองทุนเด่น เช่น
TMBGQG ลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ ที่เติบโตมั่นคงทั่วโลก,
B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี
ดัชนีจีน และเวียดนาม ปรับตัวลงค่อนข้างเบา เมื่อเทียบกับยุโรป และอเมริกา
แสดงชัดเจนว่าตลาดของสองประเทศนี้ไม่ตามใคร น่าสนใจสำหรับผู้ไม่เคยลงทุนในสองกลุ่มนี้
ซึ่งสามารถใช้ช่วยในการลดความผันผวนของพอร์ตโดยรวม อีกทั้งการบริโภคในประเทศทั้งสองยังมีแนวโน้มเติบโตได้ดีไปอีกหลายปี เหมาะแก่การมีติดพอร์ตเพื่อถือลงทุนระยะยาว
กองทุนเด่น เช่น
K-CHINA-A(A) ลงทุนในกลุ่ม All China ที่ครอบคลุมหุ้นจีนขนาดใหญ่ในทุกตลาดทั่วโลก,
KT-ASHARES-A ลงทุนในหุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในประเทศจีน (A-Shares),
PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามในไทยที่มีผลตอบแทนโดดเด่นที่สุดรอบปีที่ผ่านมา