เขียนเมื่อ: 28 May 2022
การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones +6.25%, S&P500 +6.58%, NASDAQ +6.84%, EU STOXX 600 +2.97% (ยุโรป), CSI300 -1.87% (จีน), TOPIX +0.53% (ญี่ปุ่น), SENSEX +1.03% (อินเดีย), VN100 +4.32% (เวียดนาม), SET +0.97%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากปรับตัวลดลงติดต่อกันมา 7-8 สัปดาห์ โดยเฉพาะเมื่อวันศุกร์ที่ดัชนีเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภคชะลอตัวลง และมีสัญญาณว่าผู้บริโภคกลับมาเพิ่มการใช้จ่ายอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยความเสี่ยง โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาพลังงานที่ต้องติดตามผลกระทบจากสงครามระหว่าง รัสเซีย-ยูเครน ที่ยังคงยืดเยื้อ (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
จีนส่งสัญญาณว่าจะเห็นนโยบายเพื่อเร่งการเติบโตมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี ภายหลังทางการมีแถลงการณ์ถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจจากมาตรการควบคุม Covid และกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนร่วมกันทำงานหนักเพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโต (อ้างอิง)
บริษัทจีนได้ momentum เชิงบวกช่วงท้ายสัปดาห์ ภายหลัง Alibaba ประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด แม้จะเป็นตัวเลขการเติบโตที่น้อยที่สุดในรอบหลายปี โดยหุ้นของ Alibaba ปรับตัวขึ้นกว่า 10% ในวันเดียว และส่งให้หุ้นเทคโนโลยีจีนอื่นๆ ปรับตัวขึ้นตามกัน (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
ตลาดหุ้นเวียดนามฟื้นตัวแรงเป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน ปรับตัวขึ้นแล้วประมาณ 10% จากจุดต่ำสุดของรอบนี้ ระยะสั้นมีโอกาสผันผวนจากเงินลงทุนหมุนเวียนของนักลงทุนรายย่อยที่มีสัดส่วนกว่า 80% อย่างไรก็ตาม ตลาดโดยรวมได้รับความสนใจจากสถาบันการลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
ยังแนะนำทยอยสะสมกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่งเป็นหลัก โดยเฉพาะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม
เนื่องจากสามารถสร้างรายได้สม่ำเสมอ และโครงสร้างการเงินไม่ถูกกระทบมากจากการปรับขึ้นของดอกเบี้ย
การปรับตัวลงของตลาดในภาพรวม ทำให้สร้างโอกาสที่ดีที่จะสะสมกองทุนที่ลงทุนในบริษัทประเภทนี้เพิ่มเติม
กองทุนเด่น เช่น
KFGBRAND-A ลงทุนในบริษัทที่ยั่งยืน มีแบรนด์แข็งแกร่ง สามารถสร้างรายได้ในทุกสภาวะตลาด,
B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี
อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัว อาจเป็นจังหวะให้นักลงทุนสายหุ้นเติบโตเริ่มเข้าสะสมกองทุนที่มองภาพการเติบโตระยะยาว ผ่านบริษัทที่โดดเด่นในด้านนวัตกรรมใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม ควรจัดสรรสัดส่วนอย่างระมัดระวัง เนื่องจากการฟื้นตัวของตลาดทุนยังมีความไม่ชัดเจน
กองทุนเด่น เช่น
KFGG-A ลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีแนวโน้มการเติบโตสูงทั่วโลก
ตลาดเวียดนามยังน่าสะสม แม้ปรับตัวบวกกลับมาอย่างมีนัยสำคัญในช่วงสองสัปดาห์
อาจพิจารณาทยอยซื้อเรื่อยๆ หรือรอจังหวะเข้าซื้อตามความผันผวนที่มีเป็นระยะ
กองทุน และ DR ที่น่าสนใจ เช่น
PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามที่มีผลตอบแทนโดดเด่นมายาวนาน,
E1VFVN3001 อ้างอิง E1VFVN30 ETF ซึ่งมีนโยบายการลงทุนอ้างอิงดัชนี VN30 หุ้นชั้นนำ 30 ตัวแรกของเวียดนาม,
FUEVFVND01 อ้างอิง DIAMOND ETF ซึ่งลงทุนในบริษัทเวียดนามที่มีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติสูง สะท้อนมุมมองโอกาสเป็น Super Stock