สรุปประเด็นการลงทุน
ก่อนสัปดาห์วันที่ 11 - 15 กรกฎาคม 2565

เขียนเมื่อ: 09 July 2022

ประเด็นน่าสนใจ

  1. การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones +0.77%, S&P500 +1.94%, NASDAQ +4.56%, EU STOXX 600 +2.45% (ยุโรป), CSI300 -0.85% (จีน), TOPIX +2.30% (ญี่ปุ่น), SENSEX +2.97% (อินเดีย), VN100 -1.66% (เวียดนาม), SET -0.94%

  2. ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังตัวเลขการจ้างงานออกมาสูงกว่าที่คาด ทำให้ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยเบาบางลงในระยะสั้น โดย NASDAQ ปรับตัวขึ้นห้าวันติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังไม่วางใจภาพระยะยาว เนื่องจากดอกเบี้ยจะยังปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสจะชะลอเศรษฐกิจจนเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยเฉพาะหากไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ในเร็ววัน (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)

  3. ตลาดหุ้นจีนปรับฐานเล็กน้อย หลังมีความกังวลว่าจะเกิดการระบาดของ Covid อีกครั้ง และจะนำมาสู่การ lockdown อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะเชื่อว่าการปรับฐานในระยะสั้นของตลาดหุ้นจีนจะเป็นโอกาสในการลงทุน เนื่องจากตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ต่ำน่าจะผ่านช่วงที่แย่ที่สุดแล้ว และภาครัฐมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นกับประชาชนในการควบคุมการระบาด แม้จะยังคงนโยบาย zero-Covid (อ้างอิง)

  4. เวียดนามได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากการย้ายฐานการผลิตของผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลกออกจากจีน ล่าสุด ทั้ง Apple, Samsung, Xiaomi, และ Google ก็ใช้ หรือกำลังจะใช้เวียดนามเป็นฐานการผลิตที่สำคัญแล้ว และบริษัทเหล่านี้มีแผนจะขยายกำลังการผลิตในเวียดนามเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งนอกจากนโยบายการค้าที่เปิดกว้างของเวียดนามแล้ว ท่าทีของบริษัทชั้นนำเหล่านี้ก็มีแนวโน้มจะเพิ่มแรงจูงใจให้บริษัทอื่นๆ ทำตามเช่นกัน (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

  5. เงินบาทแตะระดับอ่อนที่สุดในรอบหลายปี โดยก่อนหน้านี้ ต้องย้อนไปถึงปี 2015 ที่เงินบาทอ่อนแตะระดับ 36 บาท/USD ล่าสุด ธนาคารกลางแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกมาชี้แจงว่าว่ามาจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะสกุลเงิน USD แต่ค่าเงินบาทยังเกาะกลุ่มกับประเทศในภูมิภาค สุดท้าย ธปท. จะไม่แทรกแซง โดยคาดว่าครึ่งปีหลัง ปัจจัยทางเศรษฐกิจของไทยจะช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้น (อ้างอิง)

การลงทุนน่าสนใจ

  1. ความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยยังคลุมเครือ
    ดังนั้นเพื่อไม่ให้เสียโอกาส แนะนำการทยอยสะสมกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่ง และมีฐานะการเงินมั่นคง

    กองทุนเด่น เช่น
    KFGBRAND-A ลงทุนในบริษัทที่ยั่งยืน มีแบรนด์แข็งแกร่ง สามารถสร้างรายได้ในทุกสภาวะตลาด,
    B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี,
    SCBNDQ(A) ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี NASDAQ-100 ที่ติดตามบริษัทเติบโตขนาดใหญ่ 100 บริษัท

  2. อาจชะลอการ DCA ในตลาดหุ้นจีน และติดตามการปรับฐานของจากความกังวลเรื่อง Covid ระลอกใหม่
    หากปรับลงมากอาจเป็นโอกาสเข้าซื้อ เนื่องจากแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังดี

    หรือถ้าไม่คิดมาก ก็สามารถ DCA ต่อไปตามแผน เพื่อร่วมรับประโยชน์จากการฟื้นตัว

    กองทุนเด่น เช่น
    K-CHINA-A(A) ลงทุนในกลุ่ม All China ที่ครอบคลุมหุ้นจีนขนาดใหญ่ในทุกตลาดทั่วโลก,
    BCAP-CTECH ลงทุนแบบเน้นๆ ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ของจีน

  3. ตลาดเวียดนามน่าสนใจสะสมระยะยาว มีโอกาสการทางเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
    เห็นได้จากการที่บริษัทชั้นนำหลายแห่งขยายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนามมากขึ้น (อ้างอิง1, อ้างอิง2)

    กองทุน และ DR ที่น่าสนใจ เช่น
    PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามที่มีผลตอบแทนโดดเด่นมายาวนาน,
    E1VFVN3001 อ้างอิง E1VFVN30 ETF ซึ่งมีนโยบายการลงทุนอ้างอิงดัชนี VN30 หุ้นชั้นนำ 30 ตัวแรกของเวียดนาม,
    FUEVFVND01 อ้างอิง DIAMOND ETF ซึ่งลงทุนในบริษัทเวียดนามที่มีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติสูง สะท้อนมุมมองโอกาสเป็น Super Stock

-ขอให้มีความสุขกับการลงทุนครับ

ALL NEWS