เขียนเมื่อ: 23 July 2022
การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones +1.96%, S&P500 +2.55%, NASDAQ +3.33%, EU STOXX 600 +2.88% (ยุโรป), CSI300 -0.24% (จีน), TOPIX +3.35% (ญี่ปุ่น), SENSEX +4.30% (อินเดีย), VN100 +1.08% (เวียดนาม), SET +1.26%
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่เริ่มออกมา โดยกว่า 70% ของบริษัทใน S&P500 ที่ประกาศแล้ว มีผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามผลประกอบกาศของบริษัทขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ในสัปดาห์ต่อๆ ไป (อ้างอิง)
สัปดาห์ต่อไปมีแนวโน้มจะมีความผันผวนมาก และนักลงทุนควรวางแผนรับมือกับสภาพตลาดไม่ว่าจะขึ้นหรือลง เนื่องจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะประกาศการปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงจะมีตัวเลขเศรษฐกิจอื่นๆ ออกมาด้วย นอกจากนั้นบริษัทขนาดใหญ่ต่างๆ ก็จะให้ความเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตในอนาคตด้วย ปัจจัยเหล่านี้เป็นตัวแปรสำคัญต่อการคาดการณ์ทิศทางเศรษฐกิจในระยะ 1-2 ปีข้างหน้า (อ้างอิง)
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) เริ่มขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ภายหลังเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง แม้อัตราการปรับขึ้นจะเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ตัวเลขดัชนีการจัดซื้อล่าสุดส่งสัญญาณหดตัวของเศรษฐกิจ สร้างความกังวลถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอย (อ้างอิง)
The Asian Development Bank ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ประเทศจีน เนื่องจากผลกระทบของการ lockdown เพื่อควบคุม Covid และแรงกดดันจากความเสี้ยงของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แม้ภาครัฐมีแนวโน้มจะใช้นโยบายช่วยกระตุ้นการเติบโต แต่นักวิเคราะห์คาดว่าจะไม่เพียงพอที่จะบรรลุเป้าหมาย 5.5% ที่รัฐบาลตั้งไว้ (อ้างอิง)
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แถลงในงานพบสื่อมวลชนถึงเป้าหมายนโยบายการเงินระยะข้างหน้า โดยจะขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อประคองให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง มีเป้าหมายหลักให้เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำและไม่ผันผวน และให้ระบบการเงิน/สถาบันการเงินทำงานได้ตามปกติ (อ้างอิง)