เขียนเมื่อ: 27 August 2022
การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones -4.22%, S&P500 -4.04%, NASDAQ -4.44%, EU STOXX 600 -2.58% (ยุโรป), CSI300 -1.05% (จีน), TOPIX -0.75% (ญี่ปุ่น), SENSEX -1.36% (อินเดีย), VN100 +1.21% (เวียดนาม), SET +1.16%
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงรุนแรงเมื่อวันศุกร์ หลังทรงตัวได้ช่วงกลางสัปดาห์ เป็นผลมาจากแถลงการณ์ล่าสุจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ตีความได้ค่อนข้างชัดเจนว่าช่วงต่อจากนี้จะให้ความสำคัญกับการควบคุมเงินเฟ้อมากกว่าการเติบโดทางเศรษฐกิจ (อ้างอิง)
สถานการณ์เศรษฐกิจฝั่งยุโรปยังน่าเป็นห่วง โดยมองจากความไม่พอใจภาคประชาชนจากปัญหาค่าครองชีพ ตัวอย่างล่าสุดคือการประท้วงหยุดงานของพนักงานไปรษณีย์ในอังกฤษ ที่กว่า 98% ของสมาชิกที่ร่วมลงคะแนนโหวตให้กลุ่มสมาชิกดำเนอนการประท้วง (อ้างอิง)
รัฐบาลจีนประกาศนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม หลังจากแสดงท่าทีว่าจะยังพยายามผลักดันการเติบโตของเศรษฐกิจในปีนี้ต่อไป และมีมาตรการกระตุ้นออกมาบ้างแล้ว อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่าการควบคุม Covid อย่างเข้มงวดยังเป็นปัจจัยที่จะทำให้การกระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถทำได้อย่างต่อเนื่อง และอาจต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่ามาตรการต่างๆ จะเริ่มแสดงผล (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
นักลงทุนที่ระยะยาว ที่ทยอยสะสมกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่ง สามารถพิจารณาเตรียมเพิ่มการลงทุนหากตลาดปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากบริษัทที่แข็งแกร่งและได้เปรียบทางการแข่งขันมักจะสามารถกลับมาเติบโตได้ดีเมื่อเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ
กองทุนเด่น เช่น
KFGBRAND-A ลงทุนในบริษัทที่ยั่งยืน มีแบรนด์แข็งแกร่ง สามารถสร้างรายได้ในทุกสภาวะตลาด,
B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี,
SCBNDQ(A) ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี NASDAQ-100 ที่ติดตามบริษัทเติบโตขนาดใหญ่ 100 บริษัท
การลงทุนในกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพลังงานสะอาด ก็ยังน่าสนใจทยอยสะสม
เนื่องจากจะได้รับประโยชน์ในระยะยาวจากกฎหมาย the Inflation Reduction Act ของสหรัฐฯ
กองทุนน่าสนใจ เช่น
KFINFRA-A เน้นลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ ครอบคลุมทั้งกลุ่มสาธารณูปโภค, การขนส่ง, โทรคมนาคม, และพลังงาน,
MRENEW-A ลงทุนแบบเชิงรุก ในบริษัททั่วโลกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง