เขียนเมื่อ: 04 September 2022
การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones -2.99%, S&P500 -3.29%, NASDAQ -4.21%, EU STOXX 600 -2.37% (ยุโรป), CSI300 -2.04% (จีน), TOPIX -2.50% (ญี่ปุ่น), SENSEX -0.05% (อินเดีย), VN100 -0.66% (เวียดนาม), SET -1.38%
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน โดยเฉพาะ NASDAQ ปรับตัวลงหกวันติดต่อกัน ซึ่งปัจจัยภาพรวมยังเป็นมุมมองเชิงลบ ภายหลังความหวังเรื่องการชะลอการขึ้นดอกเบี้ยจากธนาคารสหรัฐฯ (Fed) ลดลงไปเรื่อยๆ (อ้างอิง)
นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์และประวัติศาสตร์ชั้นนำ ออกมาให้ความเห็นเพิ่มเติม โดยว่าเศรษฐกิจโลกต่อจากนี้น่าเป็นห่วง ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกจุดของ Fed, สงครามและความขัดแย้งระหว่างชาติมหาอำนาจ, ตลาดแรงงานที่ขาดประสิทธิภาพ, รวมถึงค่าตอบแทนแท้จริงที่กำลังลดลง บางท่านสะท้อนว่าสถานการณ์คล้ายก่อนเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปี 1970s (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
จีนยังยืนยันมาตรการควบคุม Covid อย่างรัดกุม ล่าสุดประกาศล็อกดาวน์เฉิงตู ห้ามประชาชน 21 ล้านคนออกจากบ้าน และทำการตรวจอย่างเข้มงวด นอกจากนั้นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่อย่างเสิ่นเจิ้นก็มีการกำหนดมาตรการจำกัดการเดินทางเช่นกัน (อ้างอิง1, อ้างอิง2, อ้างอิง3)
ตัวเลขการค้าของเวียดนามยังเติบโตได้ดี โดยตัวเลขส่งออกและนำเข้าช่วงแปดเดือนแรกโต 17% และ 14% ตามลำดับ สะท้อนการเข้ามามีบทบาทสำคัญในเส้นทางการค้าโลก แม้ประเทศคู่ค้าหลายแห่งกำลังเผชิญกับปัญหาทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตามทางการเวียดนามคาดว่าการเติบโตอาจชะลอลงต่อจากนี้ เนื่องจากความต้องการบริโภคของประเทศต่างๆ มีแนวโน้มลดลง (อ้างอิง)
สถานการณ์ตลาดทุนในภาพรวมดูเป็นขาลง
นักลงทุนที่ระยะยาว ที่ทยอยสะสมกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่ง อาจพิจารณาเตรียมเพิ่มการลงทุนหากตลาดปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
เนื่องจากบริษัทที่แข็งแกร่งและได้เปรียบทางการแข่งขันมักจะสามารถกลับมาเติบโตได้ดีเมื่อเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ
กองทุนเด่น เช่น
KFGBRAND-A ลงทุนในบริษัทที่ยั่งยืน มีแบรนด์แข็งแกร่ง สามารถสร้างรายได้ในทุกสภาวะตลาด,
B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี,
SCBNDQ(A) ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี NASDAQ-100 ที่ติดตามบริษัทเติบโตขนาดใหญ่ 100 บริษัท
การลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพลังงานสะอาด ยังน่าสนใจทยอยสะสม
เนื่องจากธุรกิจกลุ่มนี้ธุรกิจกลุ่มนี้มีโอกาสได้แรงหนุนจากจากกฎหมาย the Inflation Reduction Act
ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงปี 2023 เป็นต้นไป
โดยเฉพาะจะมีแรงจูงใจให้ประชาชนใช้จ่ายทั้งเรื่องยานพาหนะ และที่อยู่อาศัย
(อ้างอิง)
กองทุนน่าสนใจ เช่น
KFINFRA-A เน้นลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ ครอบคลุมทั้งกลุ่มสาธารณูปโภค, การขนส่ง, โทรคมนาคม, และพลังงาน,
MRENEW-A ลงทุนแบบเชิงรุก ในบริษัททั่วโลกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง
ตลาดเวียดนามยังน่าสนใจสะสมสำหรับแผนลงทุนระยะยาว
ล่าสุดแสดงความแข็งแรงของการเติบโตทางเศรษฐกิจกว่าภาพรวมของโลก จากตัวเลขการส่งออกและนำเข้าในปีนี้ที่โตกว่า 10%
กองทุน และ DR ที่น่าสนใจ เช่น
PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามที่มีผลตอบแทนโดดเด่นมายาวนาน,
E1VFVN3001 อ้างอิง E1VFVN30 ETF ซึ่งมีนโยบายการลงทุนอ้างอิงดัชนี VN30 หุ้นชั้นนำ 30 ตัวแรกของเวียดนาม,
FUEVFVND01 อ้างอิง DIAMOND ETF ซึ่งลงทุนในบริษัทเวียดนามที่มีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติสูง สะท้อนมุมมองโอกาสเป็น Super Stock