เขียนเมื่อ: 01 October 2022
การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones -2.93%, S&P500 -2.91%, NASDAQ -2.69%, EU STOXX 600 -0.65% (ยุโรป), CSI300 -1.33% (จีน), TOPIX -4.18% (ญี่ปุ่น), SENSEX -1.16% (อินเดีย), VN100 -5.79% (เวียดนาม), SET -2.59%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงรายเดือนมากที่สุดตั้งแต่ช่วงต้นของ Covid ในปี 2020 โดย Dow Jones, S&P500, และ NASDAQ ร่วงลง 8.8%, 9.3%, และ 10.5% ตามลำดับ โดยนอกจากการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว นักวิเคราะห์มองว่าปัจจัยกดดันในระยะสั้นต่อจากนี้คือผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวลง (อ้างอิง)
สัญญาณการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นยังดูไม่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทชั้นนำยังเตรียมลดการจ้างงาน ล่าสุด Meta (บริษัทแม่ของ Facebook) ได้พูดถึงแผนการลดพนักงานเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2004 โดยก่อนหน้านี้บริษัทอย่าง Microsoft, Twitter, Tesla, Alphabet ก็ได้พูดถึงแผนการเรื่องการลดจำนวนพนักงานเช่นกัน (อ้างอิง)
ตลาดหุ้นยังมีแต่ข่าวร้าย และมีแนวโน้มว่า momentum เชิงลบจะมีโอกาสดำเนินต่อไปอีกระยะ
แนะนำนักลงทุนระยะยาว คอยทยอยสะสม หรือเพิ่มยอด DCA ช่วงที่ดัชนีย่อตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะการสะสมกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนที่เรามีมุมมองต้องการร่วมเป็นเจ้าของในธุรกิจเหล่านั้น
กองทุนเด่น เช่น
KFGBRAND-A ลงทุนในบริษัทที่ยั่งยืน มีแบรนด์แข็งแกร่ง สามารถสร้างรายได้ในทุกสภาวะตลาด,
B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี,
SCBNDQ(A) ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี NASDAQ-100 ที่ติดตามบริษัทเติบโตขนาดใหญ่ 100 บริษัท
การลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพลังงานสะอาด ยังน่าสนใจทยอยสะสม
เนื่องจากธุรกิจกลุ่มนี้ธุรกิจกลุ่มนี้มีโอกาสได้แรงหนุนจากจากกฎหมาย the Inflation Reduction Act
ของสหรัฐฯ ตั้งแต่ช่วงปี 2023 เป็นต้นไป
โดยเฉพาะจะมีแรงจูงใจให้ประชาชนใช้จ่ายทั้งเรื่องยานพาหนะ และที่อยู่อาศัย
(อ้างอิง)
กองทุนน่าสนใจ เช่น
KFINFRA-A เน้นลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ ครอบคลุมทั้งกลุ่มสาธารณูปโภค, การขนส่ง, โทรคมนาคม, และพลังงาน,
MRENEW-A ลงทุนแบบเชิงรุก ในบริษัททั่วโลกที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานทางเลือก และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง