เขียนเมื่อ: 05 November 2022
การเคลื่อนไหวรอบสัปดาห์ Dow Jones -1.39%, S&P500 -3.35%, NASDAQ -5.65%, EU STOXX 600 +1.51% (ยุโรป), CSI300 +6.38% (จีน), TOPIX +0.86% (ญี่ปุ่น), SENSEX +1.65% (อินเดีย), VN100 -3.55% (เวียดนาม), SET +1.26%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงหลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.75% อีกครั้ง นอกจากนั้นยังมีท่าทีไม่ชัดเจนในการที่จะขึ้นดอกเบี้ยช้าลงหลังจากนี้ ผิดจากที่นักลงทุนคาดหวังไว้ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา (อ้างอิง1, อ้างอิง2)
ถึงคราวตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นด้วยความหวังบ้าง ภายหลังมีข่าวลือว่ารัฐบาลจีนจะเริ่มผ่อนคลายการควบคุม Covid ในต้นปีหน้า ส่งผลให้ตลาดหุ้นจีน และฮ่องกงปรับขึ้นกว่า 6% และ 9% ตามลำดับ อย่างไรก็ตามทางการจีนได้ออกแถลงการณช่วงสุดสัปดาห์ว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับการควบคุม Covid อย่างเข้มงวดต่อไป (อ้างอิง1, อ้างอิง2)
ตลาดเวียดนามยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบเกือบสองปี เป็นโอกาสดีสำหรับทยอยสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว
โดยเวียดนามได้รับการประเมินว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจดีที่สุดในโลก
กองทุน และ DR ที่น่าสนใจ เช่น
PRINCIPAL VNEQ-A กองทุนเวียดนามที่มีผลตอบแทนโดดเด่นมายาวนาน,
E1VFVN3001 อ้างอิง E1VFVN30 ETF ซึ่งมีนโยบายการลงทุนอ้างอิงดัชนี VN30 หุ้นชั้นนำ 30 ตัวแรกของเวียดนาม,
FUEVFVND01 อ้างอิง DIAMOND ETF ซึ่งลงทุนในบริษัทเวียดนามที่มีสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติสูง สะท้อนมุมมองโอกาสเป็น Super Stock
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังไม่เห็นปัจจัยฟื้นตัวที่ชัดเจน แม้มีความหวังมาเป็นช่วงๆ
แนะนำใช้คอยทยอยสะสม หรือเพิ่มยอด DCA ช่วงที่ดัชนีย่อตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ
โดยเฉพาะการสะสมกองทุนที่ลงทุนในบริษัทที่แข็งแกร่งและเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม รวมถึงการลงทุนที่เรามีมุมมองต้องการร่วมเป็นเจ้าของในธุรกิจเหล่านั้น
กองทุนเด่น เช่น
KFGBRAND-A ลงทุนในบริษัทที่ยั่งยืน มีแบรนด์แข็งแกร่ง สามารถสร้างรายได้ในทุกสภาวะตลาด,
B-INNOTECH ลงทุนในหุ้นบริษัทที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือบริการ ด้านความก้าวหน้าและการพัฒนาทางเทคโนโลยี,
SCBNDQ(A) ลงทุนแบบ passive ตามดัชนี NASDAQ-100 ที่ติดตามบริษัทเติบโตขนาดใหญ่ 100 บริษัท